การออกแบบบ้าน หากผู้อ่านต้องการสร้างบ้านหลังใหญ่เน้นความสวยงาม การออกแบบด้วยสถาปนิกนั้นนับเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างบ้าน สถาปนิกที่เก่ง จะช่วยแก้ปัญหาการจัดสรรพื้นที่ ช่วยให้บ้านของเราสวยงาม มีสไตล์ แถมยังอยู่สบายสอดคล้องกับการใช้ชีวิตของผู้อาศัยในบ้าน แต่หากต้องการสร้างบ้านหลังเล็ก เน้นการอยู่อาศัยอย่างง่าย

การออกแบบบ้าน

การออกแบบบ้าน บ้านตัวอย่าง ด้วยตนเองเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถทำได้ จุดสำคัญคือ การสื่อสารกับช่างก่อสร้างให้ได้ทราบถึงความต้องการของเราเอง และวิธีการสื่อสารที่ง่ายที่สุดในการสร้างบ้าน นั่นคือการวาดแปลนบ้านนั่นเองครับ สำหรับวันนี้ ” เรา ” ขอนำหลักการออกแบบบ้านด้วยตนเองอย่างง่าย โดยจะเน้นไปถึงการจัดสรรพื้นที่ พร้อมกับวาดผังแปลนภายในบ้านด้วยตนเอง เพื่อนำแปลนดังกล่าวไปให้ผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือ อาจส่งต่อให้สถาปนิกเขียนแบบแปลนมาตรฐาน เพื่อจะได้นำไปต่อยอดเป็นแปลนบ้านใช้งานจริงกัน

สำรวจที่ดิน ก่อนจะถึงขั้นตอนการออกแบบบ้าน สิ่งแรกที่สำคัญเป็นอย่างมาก คือการศึกษาแปลงที่ดินของเราเองให้ละเอียด ที่ดินมีหน้ากว้างกี่เมตร ลึกกี่เมตร ทิศไหนอยู่ด้านไหนบ้าง การสำรวจทิศทางนี้เพื่อที่จะให้เราได้วางผังบ้านได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศ ลม และแสงแดด ขนาดของที่ดินยังบอกถึงขนาด และ รูปทรงของบ้าน เช่น มีที่ดิน 40 ตร.ม. แต่ต้องการพื้นที่ใช้สอย 200 ตร.ม แน่นอนว่าจะต้องออกแบบเป็นบ้าน 2 ชั้นเท่านั้น และ การออกแบบจะต้องเผื่อขอบเขตระยะร่นตามกฎหมายกำหนดไว้

การออกแบบบ้าน

1. กำหนดสไตล์บ้าน 

การเลือกสไตล์ของบ้าน เป็นการกำหนดขอบเขต เป้าหมาย เพื่อให้จินตนาการของความต้องการมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ผู้อ่านอาจขับรถท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ พักรีสอร์ท เยี่ยมบ้านเพื่อน หรือ หากให้สะดวกหน่อยก็เพียงคลิกเข้าชมตัวอย่างบ้านเหล่านี้ เราสามารถนำมาประยุกต์ กำหนดแนวทางการออกแบบบ้านในฝันของเราได้ แต่ต้องขอย้ำให้ทราบกันก่อนว่า เราสามารถนำดีไซน์มาประยุกต์ใช้ได้ แต่ไม่สามารถไปลอกแบบได้นะ

เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้าน หรือ เจ้าของแบบโดยตรง โดยปกติแล้วสไตล์ของบ้านมีค่อนข้างหลากหลาย ทั้งไทยประยุกต์ , Vintage , Loft , Minimal , Tropical , หรือ อาจเลือกเอกลักษณ์ของบ้านจากต่างประเทศ เช่น บ้านสไตล์ทัสคานี เป็นต้น ทั้งหมดนี้ไม่จำเป็นต้องมีส่วนประกอบที่เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องเป๊ะ

เราอาจผสมผสานรวมแต่ละสไตล์ เลือกจุดที่ชอบนำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้กลายเป็นสไตล์ของเราเองได้เช่นกัน พบเจอที่ไหน ถ่ายภาพเก็บไว้ หรือหากชอบตัวอย่างแบบบ้านในเว็บบ้านของเรา ก็อาจจะเซฟลิงค์เก็บไว้ เผื่อตอนใช้งานจริงจะได้ค้นหาข้อมูลเจอ การเลือกสไตล์บ้านที่ดี นอกจากความชื่นชอบส่วนตัวแล้ว สถานที่ก่อสร้างเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรออกแบบบ้านให้เหมาะสม สอดคล้องหรือดูเข้ากับสถานที่ ชุมชนที่อยู่อาศัยด้วย

2. กำหนดขนาด

เมื่อทราบความต้องการแล้ว กำหนดขนาดพื้นที่ใช้สอยของแต่ละห้องลงไป อยากให้กว้าง ยาว กี่เมตร การกำหนดขนาดแต่ละห้องจะช่วยให้สามารถวิเคราะห์หาพื้นที่ใช้สอยรวมทั้งหมดได้ ผลวิเคราะห์นี้จะทำให้การออกแบบบ้านชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งยังช่วยให้เราทราบอีกว่า เราควรสร้างบ้านกี่ชั้นถึงจะเหมาะสม หากมีที่ดินอยู่แล้วจำเป็นต้องออกแบบให้สอดคล้องกับที่ดิน แต่หากยังไม่มีที่ดิน การกำหนดขนาดพื้นที่ใช้สอย จะทำให้เราหาซื้อที่ดินได้ตามขนาดที่ต้องการ การกำหนดขนาดนี้ยังสามารถนำไปอิงกับการประมาณราคาก่อสร้างได้อีกด้วย

3. เขียนความต้องการลงไป

ก่อนการออกแบบสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก คือการวิเคราะห์ความต้องการ ขั้นตอนนี้จำเป็นต้องพูดคุยกันทั้งครอบครัว มีสมาชิกกี่คน อยากได้อะไรบ้าง อยากได้แบบไหน มีเฉลียง ชานระเบียง มีกี่ห้องนอน กี่ห้องน้ำ เป็นคนชอบทำครัว หรือไม่ ห้องนั่งเล่น ห้องดูทีวี ห้องทำงาน โจทย์เหล่านี้แต่ละบ้านย่อมมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะ ความต้องการหลักพื้นฐาน เช่น จำนวนห้องนอน ห้องน้ำ เป็นต้น สินเชื่อบ้าน

ตัวอย่างความต้องการ

คุณแอนทำงานที่ ม.นเรศวร ต้องการสร้างบ้านใหม่เพื่อให้ใกล้กับที่ทำงาน โดยปกติอยู่อาศัยเพียงคนเดียว แต่จะมีวันพิเศษที่พ่อแม่มาเยี่ยม หรือ มีเพื่อนมานอนด้วย จึงต้องการห้องนอน 2 ห้อง โดยห้องของคุณแอนเน้นความกว้างใหญ่ มีมุมทำงาน มีห้องน้ำในตัว ส่วนห้องนอนอีกห้องใช้งานไม่บ่อยนัก จึงไม่จำเป็นต้องใหญ่มาก พร้อมทั้งเป็นคนชอบทำอาหารเอง ห้องครัวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรต้องมี กิจกรรมเสริมเป็นคนชอบเลี้ยงสัตว์ พื้นที่นอกบ้าน สนามหญ้าจึงจำเป็นไว้สำหรับให้น้องหมาได้วิ่งเล่น ความต้องการพื้นฐานของคุณผู้อ่านหละครับ มีอะไรบ้าง เขียนมันลงไปได้เลย

4. กำหนดตำแหน่ง ทิศทาง

กำหนดตำแหน่ง ทิศทาง

การออกแบบผังบ้านที่ดีควรออกแบบให้สอดคล้อง กับธรรมชาติ เพื่อให้การอยู่อาศัยภายในบ้านเป็นไปอย่างเหมาะสมที่สุด  โดยรวมแล้วจะคำนึงถึงทิศทางของแสงแดด และ ทิศทางลม โดยแสงแดดจะส่องมากในทิศตะวันตก ทิศใต้ ห้องที่ต้องการแสงมาก เป็นห้องที่ต้องการกำจัดความชื้น เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องซักล้าง ส่วนห้องที่ต้องการแสงเพียงพอเหมาะ เช่น ห้องนอน , ห้องนั่งเล่น , ห้องทำงาน , ห้องดูหนัง เพราะหากแสงมากเกินไปอาจหมายถึงความร้อนที่มากขึ้นเช่นกัน

สำหรับทิศทางลม ลมมีสองทิศทางหลัก

ทิศเหนือ และ ทิศใต้ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ( ทิศใต้มีลมเข้า 8 – 9 เดือน ทิศเหนือ 2 – 3 เดือน ) ซึ่งหากอ้างอิงร่วมกับทิศทางแดด แดดทางทิศใต้จะค่อนข้างแรงเกือบทั้งวัน ส่วนทิศเหนือแดดจะร่มเกือบทั้งวัน คนไทยจึงนิยมสร้างบ้านให้หันหน้าไปทางทิศเหนือ แต่ก็มีจำนวนมากเช่นกันที่เลือกหันหน้าไปทางทิศใต้ เพื่อต้องการรับกระแสลมเกือบตลอดทั้งปี ทั้งนี้ก็ไม่ได้เป็นข้อจำกัดแต่อย่างใด เพราะการใช้งานของแต่ละบ้านนั้นแตกต่างกัน บางท่านอาจออกแบบเพื่อเน้นการใช้ข้างบ้าน , หลังบ้าน ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานจริงด้วย บ้านจัดสรร

5. ลองวาดแปลนดู

เครื่องมือพื้นฐานที่สุดที่ใช้ในการวาดแปลน คือ ดินสอ + กระดาษ A4 หรือ ผู้อ่านถนัดใช้เครื่องมือใดก็สามารถเลือกได้ตามต้องการ ทั้งวาดด้วยมือหรือ ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์มาช่วย ก็สามารถทำได้ เช่นกัน หลักการวาดแปลน วาดเป็นมุมภาพ 2D โดยให้นึกถึงการมองภาพจากบนหลังคาบ้าน ซึ่งอาจต้องทำความเข้าใจกับสัญลักษณ์พื้นฐานกันสักนิด เช่น ประตู หน้าต่าง ส่วนห้องอื่นๆสามารถวาดเป็นสี่เหลี่ยมในแบบห้องทั่วไป ทั้งนี้หากผู้อ่านไม่เข้าใจสัญลักษณ์ ก็ไม่เป็นปัญหาใด เพียงแค่วาด และ เขียนคำอธิบายประกอบร่วมด้วย ให้พอสื่อสารได้ตรงกัน เพียงเท่านี้ก็สามารถนำไปคุยกับช่างรับเหมาได้แล้ว

การออกแบบบ้านด้วยตนเอง

 

ในมุมมองของผู้เขียนจัดเป็นเรื่องราวพื้นฐานที่เราควรต้องศึกษา อันที่จริงควรมีในหลักสูตรการศึกษาไทยด้วยซ้ำ ด้วยเหตุผลที่ว่า บ้านคือที่อยู่อาศัยเป็นพื้นฐานจำเป็นในการดำรงชีวิต เราควรได้เรียนรู้วิชาพื้นฐานเหล่านี้ เพื่อที่จะได้รองรับกับการใช้ชีวิตจริง สำหรับเนื้อหาชุดนี้เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น ที่หลายๆท่านได้นำไปใช้งานจริง และสามารถสร้างบ้านในฝันได้สำเร็จ หากคุณผู้อ่านสนใจอ่านเรื่องใดเพิ่มเติม เสนอกันมาได้นะ