“ ทาสี ” อีเว้นท์เนรมิตรบ้านยอดฮิต! เมื่อเริ่มเข้าสู่หน้าหนาว..ช่วงนี้คงหนีไม่พ้น
ทาสี แค่พูดถึงก็ลังเลมากแล้ว เพราะนอกจากเลือกแบบบ้านยังเครียดไม่พอ ต้องมาหาเฉดสีให้เข้ากับสไตล์และความเป็นอยู่ของคนในบ้านอีก และเมื่อนานๆไปอาจเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายกับสีเดิมๆแล้วอยากเปลี่ยนสีใหม่ แต่ยังปล่อยผ่านไป เพราะหลายๆคนอาจมองว่าการที่เราจะต้อง ทาสีห้องใหม่ให้บ้านตัวเองนั้น อาจเป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยากและแลดูวุ่นวาย เพราะเป็นช่วงที่ไม่มีน้ำฝนจากท้องฟ้ามาคอยกวนใจ และยังเป็นช่วงที่อุณหภูมิเหมาะสม อากาศไม่ร้อนเกินไป ความชื้นในอากาศไม่สูงมาก รวมถึงเป็นช่วงที่เหมาะกับการปรับปรุงบ้านเพื่อต้อนรับสิ่งดีๆ ในปีใหม่ ที่ใกล้จะมาถึงอีกด้วย!
วันนี้แอด จะมาแชร์วิธีการทา สีสำหรับ มือใหม่สายดัดแปลง ที่ต้องการจะสร้างสรรค์ผนังบ้านสีเดิมๆใหม่ให้เท่ได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ให้สวยงามไม่แพ้ช่างมืออาชีพมาฝากกัน จะเป็นยังไง ไปดูกันเลย!
เช็คผนังของบ้านคุณ
เริ่มที่ ขั้นตอนแรกสุด คือ คุณต้องทราบก่อนว่า พื้นผิวของผนังบ้านที่จะทา เป็นแบบไหน
- ผนังใหม่
- ผนังเก่า
- ผนังภายใน
- ผนังภายนอก
ทาสี ผนังบ้านเก่ากับบ้านใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จ
จะมีวิธีการเตรียมพื้นผิว และใช้ผลิตภัณฑ์ทาสีที่แตกต่างกัน รวมถึงการทาสีภายใน หรือภายนอกจะใช้สีที่มีคุณสมบัติเฉพาะที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น สีภายนอกจะเน้นไปที่ความทนทานต่อสภาพอากาศ แต่สีภายในจะเน้นเรื่องการทำความสะอาดง่าย ปลอดกลิ่นและสารเคมีต่างๆ เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันสีทาบ้านก็มีนวัตกรรมที่เราสามารถใช้สีทาบ้านได้ทั้งภายในและภายนอกให้เลือกซื้อกันแล้ว ง่ายและสะดวกสุดๆ ไปเลย เช่น TOA Supershield Titanium, BegerCool DiamondShield 15 เป็นต้น
เตรียมอุปกรณ์ ทาสี ต้องใช้อะไรบ้าง?
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม นอกจากสีทับหน้า และ สีรองพื้น ได้แก่
- 1) ลูกกลิ้งทาสี : ใช้สำหรับทาบริเวณ พื้นที่กว้างๆ โดยส่วนใหญ่ลูกกลิ้งมีขนาดให้เลือกตามความเหมาะสม 10, 7 เเละ 4 นิ้ว
- 2) ด้ามต่อลูกกลิ้ง : ใช้สำหรับทาสีในจุดที่อยู่สูงมาก โดยไม่สามารถเอื้อมมือทาถึงได้
- 3) แปรงทาสี : ใช้สำหรับเก็บรายละเอียดงาน ทาสีตามขอบมุม มีให้เลือกใช้ตามขนาด ตั้งแต่ 1-5 นิ้ว
- 4) ถังสี : ใช้สำหรับเเบ่งสีจากถังหลักออกมาใช้
- 5) ผ้าใบปูพื้น : ใช้สำหรับป้องกันสีหยดที่พื้น
- 6) เทปกาว : ที่ใช้สำหรับป้องกันพื้นที่มุมขอบบริเวณต่าง ๆ เช่น ขอบประตู, ขอบหน้าต่าง หรือเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น โดยเลือกแบบที่ไม่ทิ้งคราบกาวไว้ และ เมื่อทาสี เนื้อสีจะต้องไม่ซึมเข้าไปข้างในตัวบ้าน
- 7) เกรียง (สำหรับผนังเก่า) : อุปกรณ์ที่ใช้ สำหรับแซะปูนเก่า เกลี่ยรอยโป๊ว ขึ้นลายสี
- 8) กระดาษทราย : ใช้สำหรับขัดเตรียมพื้นผิวให้เรียบเนียน ก่อนทาสีรองพื้น
ทาสีรองพื้น หรือ Primer
ก่อนที่จะทาสีรองพื้น คุณควร ปูผ้าใบรองพื้นให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันสีหยดตามพื้น และ ทำการใช้เทปกาวป้องกันพื้นที่มุมขอบ บริเวณต่างๆ ทำไมต้องทาสีรองพื้น? สีรองพื้น เป็นสีชั้นแรกที่ใช้ทาบนผนังก่อนลงสีทับหน้า เพียง 1 ครั้งก็เพียงพอแล้ว ซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับพื้นผิว เช่น เชื้อรา สีซีดหลุดล่อน และ จะช่วยยืดอายุสีให้ติดแน่น อยู่ทนนาน สีดูสดใหม่ได้นานกว่าเดิม รีโนเวทบ้านสวน สวยงาม
หลักในการเลือกสีรองพื้นมี 2 ข้อ ดังนี้
- 1) การทาสีรองพื้น ต้องดูสภาพปูนของบ้านคุณก่อน ได้แก่
- บ้านปูนเก่าอายุ 5 ปีขึ้นไป > ควรเลือก สีรองพื้นปูนเก่า
- บ้านปูนใหม่อายุ 1 – 2 เดือน > ควรเลือก สีรองพื้นปูนใหม่
- บ้านปูนสด ที่เพิ่งฉาบปูนเสร็จใน 2 – 5 วัน > ควรเลือกสีรองพื้น Quick Primer ซึ่งสามารถทา บนพื้นผิวที่มีความชื้นสูงกว่ามาตรฐานได้เป็นอย่างดี
- 2) เลือกสูตรของ สีรองพื้น
- สีรองพื้นสูตรน้ำ : กลิ่นอ่อนไม่ฉุน เหมาะกับผนังภายใน ใช้งานง่ายกว่า แห้งเร็วกว่า ทาสีทับหน้าได้เร็วกว่า
- สีรองพื้นสูตรน้ำมัน : มีกลิ่นที่ฉุนกว่า แต่ประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับสูตรน้ำ ‘สูตรน้ำมัน’ จะมีคุณภาพมากกว่า จึงเหมาะกับผนังภายนอกมากกว่า
- สีรองพื้นแบบสีใส : เหมาะกับพื้นผิวที่สีเก่าไม่มีปัญหาอะไร house
- สีรองพื้นแบบสีขาว : เหมาะกับผู้ที่ต้องการจะกลบรอยปัญหาต่างๆ จากพื้นผิวเดิม สามารถเลือกได้ตามสภาพผิวเลย
ทาสีทับหน้า
ในขั้นตอนนี้ถือว่าเป็น ขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เพราะการเตรียมการทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ก็เพื่อให้ขั้นตอนนี้มีประสิทธิภาพ ให้การทาสีห้องของคุณออกมาดีที่สุดนั่นเอง แต่งภายในบ้าน
เมื่อทาสีรองพื้นทิ้งไว้อย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงแล้ว จึงค่อยทำการทาสีทับหน้าที่คุณได้เตรียมไว้ 1 ครั้งก่อน โดยทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง แล้วทาสีในครั้งที่ 2 ทับไปอีกครั้ง
เก็บรายละเอียดงานให้เรียบร้อย
เมื่อสีทับหน้าที่ทาไว้ได้แห้งสนิทแล้ว ให้ลอกเทปกาวออก และทาสีเก็บมุมขอบต่างๆ ให้เรียบร้อยเพื่อให้งานออกมาเนี๊ยบที่สุด
ในที่สุด คุณก็จะได้ ห้องสีใหม่ ในสไตล์ที่ใช่ ด้วยฝีมือการทาสีของตัวคุณเอง ได้เก็บไว้เป็นความทรงจำ ซึ่งการทาสีบ้าน เป็นสิ่งที่คุณเองก็สามารถทำเองได้ เพียงแค่ต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สีให้ถูกประเภท และต้องเข้าใจกระบวนการ เข้าใจขั้นตอนการทาสีที่ถูกต้อง
ข้อพลาดๆ ของการ ทาสี ที่ถูกละเลย
มือสมัครเล่นหลายคน พลาดตรงนี้ เมื่อแบ่งสีออกไปทา มักลืมปิดฝากระป๋อง จึงทำให้สีที่เหลือ แห้งเร็ว และอุบัติเหตุอื่นๆ มักจะเกิดขึ้นได้ง่าย ฉะนั้น ควรปิดกระป๋องสีทุกครั้ง ไม่ให้สีแห้งเร็ว และ ป้องกันคนอื่นเดินมาชนกระป๋องสี หกเลอะเทอะด้วย
หากสีเหลือ จากการทาสีเต็มพื้นที่แล้ว สามารถเก็บสีที่เหลือ ไว้ได้อีกระยะหนึ่ง นำไปใช้ซ่อมแซมบางส่วน ที่อาจเกิดความเสียหายหลังจากทาไปได้ไม่นาน หรือใช้ทาสีส่วนอื่นๆ ในภายหลังก็ได้ ไม่ควรเก็บสีไว้ในที่ร้อน และ เย็นจนเกินไป จะทำให้สีเสียก่อนกำหนด หรือจับตัวกันเป็นก้อน ควรเก็บในที่ที่มีอากาศอุณหภูมิห้องเหมาะสมที่สุดในการเก็บสี
บางคนคิดว่า การจุ่มแปรงทาสีทั้งอันกับในกระป๋องสี จะทำให้ทาสีได้เร็วขึ้น หรือเรียบเนียน ง่ายแบบไม่ต้องจุ่มสีบ่อยๆ ตรงข้ามการกระทำนั้น ยิ่งทำให้มีเนื้อสีเยอะเต็มล้นแปรง ทำให้มีโอกาส สีหยดเลอะง่ายกว่า บางครั้งอาจทำให้ ทาแล้วเป็นเส้นรอยแปรง สีไม่สม่ำเสมอ แถมสิ้นเปลืองสีอีกด้วย ดังนั้นใช้แปรง จุ่มแค่ปลายถึงกึ่งกลางแปรงก็เพียงพอ
ปัจจุบันนี้ งานสีกับงานศิลปะ ใกล้กันนิดเดียว ช่างที่มีฝีมือ หรือแม้แต่มือสมัครเล่นหัดทดลอง ก็ใช้แรงบันดาลใจในการสร้างสีสัน ใส่ลวดลายทาบนกำแพงได้ แต่ลืมไปว่า ศิลปินเขามีจานหลุมไว้แบ่งสี มีขั้นตอนการลงสี ที่บางครั้งไม่ต้องล้างพู่กันก็รังสรรค์งานชิ้นเอกได้ แต่งานทาสีนั้นต่างออกไป ดังนั้นจึงควรระวังไม่แนะนำให้ทาสีหลายๆ สีพร้อมๆ กัน เพราะโอกาสที่ใช้แปรงจุ่มสีผิด มีมากทีเดียว
การประหยัด เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าคุณต้องการซื้อสีเท่าจำนวนพื้นที่ ที่ต้องการจะทาให้พอดิบพอดีมักไม่ดีแน่ เพนสะหากว่า ทาแล้วสีไม่พอ คุณต้องเดินทางไปซื้อใหม่ จะเกิดความสิ้นเปลืองกว่า จึงควรซื้อสีมากกว่าจำนวนพื้นที่ สัก 5 – 10 %
**ข้อแนะนำที่สำคัญ** ระหว่างทาสี ควรเปิดประตูหน้าต่างให้หมดเพื่ออากาศถ่ายเทได้สะดวก และผู้ทาก็หายใจได้โล่งจมูกขึ้นด้วย
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหา และ ข้อผิดพลาด ในการทาสีบ้าน ที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งหากคิดป้องกันเตรียมพร้อมไว้ก่อนทุกปัญหาจะไม่เกิดขึ้น ไม่เสียทรัพย์ ไม่เสียเวลาและได้ผนังสีสวยๆ ดั่งใจ
บทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับไอเดียการแต่งบ้าน