อยากมีบ้าน ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

อยากมีบ้าน

อยากมีบ้าน ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ฝันจะมีบ้านเป็นของตนเอง แม้ว่าราคาบ้านในปัจจุบันจะสูง ทางเลือกหนึ่งที่จะทำใหคุณเป็นเจ้าของบ้านในฝันได้คือ “การผ่อนบ้าน” ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางการเงินได้แนะนำไว้ว่าจำนวนเงินที่ผ่อนบ้านในแต่ละเดือน ไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ที่มีอยู่ ทั้งนี้ ก็เพื่อให้คุณสามารถผ่อนชำระได้ อย่างสบายๆ โดยไม่มีแรงกดดัน

        อยากซื้อบ้านเป็นของตัวเอง แต่ทว่าคงมีน้อยคนที่สามารถซื้อบ้านเป็นเงินสด ดังนั้นเงินที่ขาดจึงต้องอาศัยกู้เอาจากธนาคาร หรือสถาบันการเงินต่างๆ เนื่องจากสถาบันเหล่านี้ มักจะให้กู้เพียงไม่เกินร้อยละ 90 ของราคาซื้อขาย หรือมูลค่าประเมินของบ้าน (พร้อมที่ดิน) ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ผู้ซื้อบ้านควรมีเงินเก็บออมอย่างน้อยที่สุด 10% ของราคาบ้าน หรือถ้าจะให้ดีควรมากกว่า 20% นะครับโดยเงินจำนวนนี้เอง ที่ผู้ซื้อบ้านมักจะต้องจ่ายเป็น “เงินดาวน์” ในการซื้อบ้าน หากบ้านยังสร้างไม่เสร็จ เจ้าของโครงการมักจะให้เราผ่อนเป็นงวดๆ ได้ในเวลาประมาณ 6-18 เดือนบ้านจัดสรร

หากเราไม่เก็บเงินเพื่อซื้อบ้านในสัดส่วนดังกล่าว จะทำให้ภาระเงินกู้หนักขึ้น และภาระที่หนักนี้จะทำให้คุณภาพชีวิตโดยรวมของครอบครัวเราไม่ดีเท่าที่ควร เพราะการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันก็ “สำคัญ” ไม่แพ้การซื้อบ้านของตัวเอง จริงมั้ยล่ะครับ บ้านสวน

อย่างไรก็ตามในการวางแผนการเงินเพื่อซื้อบ้าน วิธีหนึ่งใน 2 วิธี คือ

อยากมีบ้าน

วิธีที่หนึ่ง คุณทราบราคาบ้านที่จะขายแล้วมาคำนวณว่าคุณจะซื้อและผ่อนได้หรือไม่ ?

วิธีการนี้ ในการประมาณการทางการเงิน คุณจะต้องเริ่มโดยพิจารณาว่าคุณมีเงินเก็บออมซื้อบ้าน หรือมีเงินดาวน์พอที่จจ่ายให้กับเจ้าของโครงการหรือไม่?คุณต้องกู้เงินจากธนาคารในวงเงินสูงสุดได้เท่าใด?จะต้องผ่อนชำระเงินงวดเดือนละเท่าใด คุณสามารถผ่อนได้หรือไม่?ตัวอย่าง นายเอต้องการกู้ซื้อบ้านราคา 1 ล้านบาท เมื่อปรึกษากับธนาคารแล้วสามารถปล่อยกู้ได้ 80%ดังนั้นนายเอต้องมีเงินดาวน์บ้าน 2 แสนบาท เมื่อพิจารณาระยะเวลาการผ่อนชำระนาน 30 ปี จากวงเงินที่เหลือ 8 แสนบาท ค่างวดที่ต้องผ่อนชำระแต่ละเดือนเป็น 4,796 บาทจากนั้นเราจึงมาประเมินกำลังของเราเองว่าสามารถผ่อนชำระได้ตามที่คิดหรือไม่?

วิธีที่สอง เราทราบรายได้ของตัวเองแล้วมาคำนวณว่าคุณจะซื้อบ้านได้แบบใด ในราคาใดได้บ้าง?

ในกรณีที่คุณทราบ “รายได้” ของคุณว่ามีเท่าใด และอยากทราบว่ารายได้ดังกล่าวนั้น สามารถจะซื้อบ้านในระดับราคาประมาณเท่าใด ก็สามารถคิดคำนวณได้ไม่ตัวอย่าง เช่น หากคุณมีรายได้ประมาณเดือนละ 25,000 บาท คุณอยากรู้ว่าธนาคารจะให้คุณกู้ได้ในวงเงินเท่าใด และจะซื้อบ้านในราคาประมาณเท่าใด บ้านจัดสรร

โดยเราต้องประเมินกำลังการผ่อนชำระค่างวดต่อเดือน ซึ่งธนาคารมักจะให้กู้ในวงเงินประมาณ 15-25% ของรายรับต่อเดือนหลังหักค่าใช้จ่ายส่วนตัว กรณีที่เรามีเงินเดือน 2.5 หมื่นหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือ 2 หมื่น ถ้าหากคิดที่ 25% เรามีความสามารถในการผ่อนชำระเป็น ค่างวดต่อเดือน = 20000 * 0.25 = 5,000 บาท/เดือนหากเราต้องการกู้ซื้อบ้าน 30 ปี โดยประมาณวงเงินที่จะกู้ 8 แสนบาทคิดดอกเบี้ยเงินกู้ 6% ต่อปี จะคิดเป็นดอกเบี้ย 926,966 บาท

ตัวอย่างประเมินได้วงเงินกู้ซื้อบ้านไม่เกิน 8 แสนบาท หากเราต้องการบ้านราคา 1 ล้านบาท ควรมีเงินดาวน์ 2 แสนบาทขึ้นไปครับเป็นอย่างไรก็บ้างครับ ไว้คราวหน้าเราจะมาคุยกันต่อเกี่ยวกับการประเมินตัวเราเอง เพื่อทำให้เราได้บ้านที่เหมาะสม ไม่เป็นภาระกับเรามากจนเกินไปยังไงล่ะครับ 

อยากซื้อบ้านเดี่ยว เริ่มต้นอย่างไร?  

อยากมีบ้าน

เมื่อได้คำตอบแล้วว่า… ทำไมต้องซื้อบ้านเดี่ยว? แล้ว เชื่อว่าหลายคนที่กำลังตัดสินใจซื้อบ้านเดี่ยวสักหลังคงเกิดคำถามนี้ตามมาในใจ มาดูกันว่าต้องเริ่มต้นอย่างไร กับ เทคนิค เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนซื้อบ้านเดี่ยวในฝันให้ได้ตรงใจ

1.เตรียมความพร้อมเรื่องเงินและค่าใช้จ่ายในการตกแต่ง

แน่นอนว่าเมื่อคุณตัดสินใจจะซื้อบ้านเดี่ยวเป็นที่พักอาศัย สิ่งแรกที่ต้องนึกถึงคือเงินดาวน์ ซึ่งควรมีในมืออุ่นๆ อย่างน้อย 10-20% ของราคาบ้าน เนื่องจากธนาคารมักจะปล่อยกู้อยู่ที่ประมาณ 80-90% ของมูลค่าบ้าน ไม่ใช่ 100% อย่างที่หลายคนเข้าใจ สิ่งที่คุณต้องทำการบ้านต่อมาคือ ลองศึกษาหาข้อมูลล่วงหน้าว่าบ้านเดี่ยวที่คุณต้องการหรือแอบเล็งๆ ไว้มีราคาเท่าไร มีเงินดาวน์เพียงพอหรือไม่ หรือต้องออมเงินเพิ่มเติมเพื่อซัพพอร์ต แต่บอกเลยว่ายิ่งคุณวางเงินดาวน์มากก็ยิ่งดี เพราะนอกจากจะช่วยลดดอกเบี้ยได้มหาศาลแล้ว ยังไม่ต้องกังวลเรื่องการยื่นกู้กับธนาคารอีกด้วย และอย่าลืมคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการตกแต่งควบคู่ไปกับจำนวนเงินที่ยื่นกู้ในคราวเดียว จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง คือมีเงินซื้อบ้านแต่ไม่เหลือเงินที่ใช้ตกแต่งแปลนบ้านจัดสรร

2.เลือกทำเลให้แมทซ์กับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต

การเลือกบ้านเดี่ยวให้อยู่บนทำเลที่ตอบโจทย์ถือเป็นเรื่องท้าทายอย่างหนึ่ง เพราะบ้านในเมืองอาจจะมีราคาสูงทำให้ได้บ้านขนาดเล็กลง ส่วนบ้านชานเมืองแม้จะต้องใช้เวลาในการเดินทางมากหน่อย แต่โดยส่วนใหญ่มักจะได้พื้นที่และตัวบ้านที่ใหญ่ขึ้น หากไม่มีรถยนต์และจำเป็นต้องเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ก็ควรเลือกบ้านเดี่ยวที่สามารถเชื่อมต่อไปถึงรถไฟฟ้าบนดินหรือใต้ดินได้ไม่ยาก แต่หากมีรถยนต์ก็ต้องเลือกทำเลบ้านที่เป็นแลนด์มาร์ค อาทิ ใกล้ทางด่วน สิ่งอำนวยความสะดวก ฯลฯ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อเข้าถึงเมืองได้ไม่ยากเช่นกัน

3.หาข้อมูลโครงการบ้านเดี่ยว และเยี่ยมชมโครงการจริง

ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทไหน โดยเฉพาะการซื้อบ้านเดี่ยวที่ราคาไม่เล็ก คุณต้องวางแผนไปดูบ้านตัวอย่าง หรือหากเป็นโครงการบ้านเดี่ยวสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว ควรมุ่งตรงไปยูนิตที่เราต้องการดูเป็นอันดับแรกเพื่อให้เห็นภาพรวม พื้นที่จริงและรูปแบบของบ้านให้เห็นด้วยตา นอกจากได้รู้รายละเอียดข้อมูลโครงการ ราคาเบื้องต้น และความน่าเชื่อถือของโครงการแล้ว คุณจะได้รู้จักกับดีเวลลอปเปอร์ผู้พัฒนาโครงการต่างๆ คอนเซ็ปต์บ้าน การออกแบบ พื้นที่ใช้สอย วัสดุเบื้องต้น สิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้ก็คือการเลือกทิศทางที่ตั้งของตัวบ้าน เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยในเรื่องของความร้อนจากแสงแดด โดยส่วนใหญ่จะเลือกบ้านที่หันไปทางทิศเหนือและใต้phuket property